หล่มเก่า เป็นอำเภอที่อยู่ตอนเหนือสุดของจังหวัดเพชรบูรณ์ ตัวเมืองตั้งอยู่ริมลำน้ำพุงซึ่งเป็นลำน้ำสาขาของแม่น้ำป่าสัก มีภูเขาขนาบ 3 ข้างคือ ทิศตะวันออก ตะวันตกและทิศเหนือ บริเวณนี้มีพื้นดินอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก
ประวัติความเป็นมา คือ ตามทะเบียนโบราณสถานของกรมศิลปากร ที่ขึ้นทะเบียนไว้นานแล้ว นั่นคือ เมืองลมหรือเมืองลุ่ม อยู่บริเวณบ้านหินกลิ้ง ต.หล่มเก่า เป็นเมืองโบราณสมัยสุโขทัย มีกำแพงเมืองด้านทิศเหนือยาว 24 เส้น ด้านทิศใต้ 27 เส้น 10 วา ด้านทิศตะวันออกและตะวันตกยาวเท่ากันคือ 87 เส้น
จากหลักฐานเอกสารการขึ้นทะเบียนนี้ มีนัยสำคัญที่บอกว่า เมืองหล่ม หรือหล่มเก่าในปัจจุบัน เป็นเมืองโบราณที่มีผู้คนตั้งหลักแหล่งมาช้านานแล้ว ซึ่งก็สอดคล้องกับศิลาจารึกในสมัยสุโขทัย จารึกหลักที่ 1 พ่อขุนรามคำแหง ปรากฏชื่อ ลุมบาจาย สะค้า จารึกหลักที่ 2 วัดศรีชุม มีคำว่า เมืองราดเมืองลุม และเมืองราด เมืองสคา จารึกหลักที่ 8 เขาสุมนกูฏ ปรากฏชื่อ เมืองราด เมืองสะค้า เมืองลุมบาจาย และจารึกหลักที่ 286 วัดบูรพารามก็มีชื่อ ลุมบาจาย เช่นเดียวกัน .. ที่กล่าวถึงเมืองลุม ลุมบาจาย อันเป็นชื่อตามภาษาพื้นถิ่นที่มีความหมายเดียวกันกับ เมืองลม เมืองลุ่ม และเมืองหล่ม นั่นเอง
ในอดีต การเรียกชื่อเมืองหล่มเก่า ก็ปรากฏว่ามีการเรียกชื่อหลายอย่าง เช่น เมืองลุม เมืองลุ่ม เมืองลม เมืองล่ม เมืองหล่ม เมืองล่มสัก เมืองหล่มศัก นอกจากนั้น ปรากฏมีหลักฐานเป็นหนังสือใบลานที่เก็บรักษาไว้ที่เมืองหลวงพระบาง ที่จารึกไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2158 ที่กล่าวถึงเมือง “ลมสัคอัคคบุลี” หรือ เมืองหล่มสักอัคคบุรี ที่มีวัดหินกลิ้ง วัดภู และวัดตาล แสดงให้เห็นว่า เมืองหล่มเก่าในปัจจุบันนี้ ในสมัยก่อนก็มีชื่อว่า “เมืองหล่มสัก” ด้วย ยิ่งไปกว่านั้น จากเอกสารใบลานที่จารึกด้วยอักษรธรรมลาวนี้ แสดงให้เห็นว่า เมืองหล่มสักอัคคบุรี ในสมัยก่อนมีความเจริญรุ่งเรืองทางพระพุทธศาสนาและการศึกษา ทั้งยังแสดงให้เห็นว่า มีความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมและการปกครองแบบ “อาชญาสี่” ที่แนบแน่นกับอาณาจักรล้านช้างหลวงพระบางอีกด้วย
สำหรับผู้คนที่มาตั้งหลักแหล่งอยู่ที่เมืองหล่มตั้งแต่โบราณกาลนี้ ก็น่าจะเป็นคนเชื้อสายลาวล้านช้างในกลุ่มลาวหลวงพระบาง ที่อยู่อาศัยตั้งหลักแหล่งแผ่ขยายลงมาตามลำน้ำโขง มาที่ไชยบุลี ปากลาย แก่นท้าว ท่าลี่ นาแห้ว ด่านซ้าย บ้านโคก ฟากท่า นครไทย และเข้ามาลึกสุดในดินแดนประเทศไทย ก็คือที่เมืองหล่ม หรือหล่มเก่าหล่มสัก จึงสามารถเรียกได้ว่า เมืองหล่มเก่าหล่มสักนี้ เป็น “ประตูสู่ดินแดนวัฒนธรรมล้านช้างหลวงพระบาง” ซึ่งผู้คนในดินแดนแถบนี้ทั้งหมด ก็ยังคงมีภาษาพูด วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต ศิลปกรรม เป็นแบบเดียวกันหรือคล้ายคลึงกันอยู่ แม้ต่อมาภายหลัง ก็อาจจะมีกลุ่มคนลาวเวียงจันทน์หรือกลุ่มอื่น ๆ ได้อพยพเข้ามาอยู่อาศัยร่วมด้วย ตามเหตุผลความจำเป็นต่าง ๆ หรือรวมทั้งถูกกวาดต้อนมาตั้งแต่ช่วงต้นรัตนโกสินทร์ด้วย จึงเกิดการผสมผสานทางวัฒนธรรมเกิดเป็น “วัฒนธรรมไทหล่ม” อันเป็นอัตลักษณ์ขึ้นมา
ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นเล่าเรื่องการตั้งเมืองหล่มเก่าว่า เมื่อผู้คนจากดินแดนล้านช้างจะตั้งเมืองขึ้นในบริเวณบ้านหนองขี้ควาย ริมน้ำพุงนั้น ก็ได้ทำการเสี่ยงทายจุดที่จะตั้งวัดและวังเจ้าเมือง โดยทำการกลิ้งหินก้อนใหญ่ ๆ 2 ก้อนลงมาจากเขานมนางทางด้านตะวันออก หินก้อนแรกตกที่ไหน ก็เป็นจุดสร้างวัด อันได้แก่ จุดที่เป็นวัดศรีมงคล บ้านหินกลิ้งในปัจจุบัน และหินก้อนหลังตกที่ไหน ก็เป็นจุดสร้างวัง อันได้แก่ศาลเจ้าพ่อวังเสื้อแดงในปัจจุบันนี้ และหมู่บ้านหนองขี้ควายจึงได้ชื่อว่า บ้านหินกลิ้ง เป็นจุดกำเนิดเมืองหล่มแต่นั้นเป็นต้นมา
แม้จะมีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นเมืองโบราณ แต่ไม่ปรากฏสิ่งก่อสร้างโบราณสถานที่สำคัญให้เห็นในเมืองหล่มเก่า ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะถูกเผาทำลายไป เมื่อครั้งศึกเจ้าอนุวงศ์ สมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งเมืองหล่มแห่งนี้ มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับศึกครั้งนี้เป็นอย่างมาก ในเมืองหล่มเก่า จึงมีวัดร้างหลายแห่ง เช่น วัดจอมแจ้ง วัดกู่แก้ว วัดป่าไชโย เป็นต้น
ต่อมา หลังเสร็จศึกเจ้าอนุวงศ์แล้ว เมื่อประมาณ พ.ศ. 2372 พระสุริยวงษาฯ (คง) เจ้าเมืองหล่มเห็นว่า การติดต่อค้าขายและการคมนาคมได้เปลี่ยนทิศทางไปโดยให้ความสำคัญกับการติดต่อค้าขายกับบ้านเมืองทางใต้ซึ่งใช้เส้นทางแม่น้ำป่าสักแทน จึงทำการสร้างเมืองหล่มสักขึ้นใหม่ที่ริมแม่น้ำป่าสัก และเมืองหล่มเดิมนี้จึงถูกเรียกว่า หล่มเก่า นับแต่นั้นเป็นต้นมา
ปัจจุบันนี้ เมืองหล่มเก่าและดินแดนอำเภอหล่มเก่า เป็นพื้นที่ที่หล่อเลี้ยงด้วยลำน้ำสักและน้ำพุง ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์มาก สามารถทำการเกษตรได้หลายอย่างซึ่งล้วนแล้วแต่ได้ผลผลิตดี เช่น ข้าว ข้าวโพด ใบยา ฯลฯ โดยเฉพาะเป็นถิ่นกำเนิดมะขามหวานพันธุ์หมื่นจง อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพทางการท่องเที่ยวทั้งทางธรรมชาติ คือ ภูทับเบิก และการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม คือเป็นดินแดนวัฒนธรรมไทหล่ม ที่ผู้คนมีวัฒนธรรมประเพณี ภาษา อาหารการกิน วิถีชีวิต ศาสนสถาน ตลอดจนศิลปกรรม ที่คล้ายคลึงกับชาวล้านช้างหลวงพระบาง โดยมีประเพณีที่สำคัญ คือ การแข่งเรือยาวลาพรรษาวัดทุ่งธงไชย และงานวัฒนธรรมไทหล่ม ขนมเส้นหล่มเก่า ในตัวเมืองหล่มเก่า ก็มีเสน่ห์ด้วยอาคารไม้โบราณที่ชั้น 2 มีระเบียงด้านหน้าที่สร้างต่อเนื่องกันไป นับเป็นเอกลักษณ์ของเมืองหล่มเก่าที่ทรงคุณค่ายิ่ง
เสน่ห์อีกอย่างของหล่มเก่าที่ที่อื่นไม่มี นั่นคือชื่อหมู่บ้านและตำบลต่าง ๆ ที่เป็นศัพท์พื้นเมือง แต่ฟังดูแล้วแปลกหูและเป็นเสน่ห์ให้น่าค้นหาความหมาย เช่น ตาดกลอย ศิลา แก่งโตน อุ่มกะทาด วังก้นหวด สงเปลือย โป่งสามขา หินฮาว ปาฝา ท่าผู ภูผักไซ่ โนนผักเน่า หินกลิ้ง นาขี้หูด นาเกาะ และโจะโหวะ เป็นต้น
ที่สำคัญคือ หล่มเก่ากำลังจะมีบทบาทสำคัญด้านการท่องเที่ยว ตามแผนการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เรียกว่า เส้นทางเชื่อมโยง 4 มรดกโลกทางวัฒนธรรม อันได้แก่ อยุธยา ศรีเทพ หลวงพระบาง และสุโขทัย โดยหล่มเก่าจะเป็นศูนย์กลางของเส้นทางท่องเที่ยวดังกล่าวนี้
ในด้านผู้คนนั้น ไทหล่มเก่าเป็นคนที่มีจิตใจดี อัธยาศัยดี มีวิถีชีวิตแบบพื้นบ้านที่เรียบง่าย ศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาควบคู่กันไปกับการนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์เจ้าพ่อเจ้านายที่อยู่ประจำหอของแต่ละหมู่บ้าน นับว่าเป็นดินแดนที่อบอวลไปด้วยเสน่ห์ของวิถีไทหล่มอันงดงาม สมกับคำขวัญที่ว่า หล่มเก่า : เมืองหลบ เมืองสงบ เมืองเสน่ห์
.. ขนมเส้นหล่มเก่า ..
แข่งเรือยาวลาพรรษา ..
จิตรกรรมฝาผนังล้ำเลิศ ..
ถิ่นกำเนิดมะขามหวาน ..
นมัสการหลวงพ่อใหญ่ ..
แดนวัฒนธรรมไทหล่ม ..
ชมหมอกหนาวภูทับเบิก ..
Leave a comment