ประเพณีอุ้มพระดำน้ำ
ประเพณีหนึ่งเดียวในหล้า สู่ศรัทธามหาชน
1. ประเพณีอุ้มพระดำน้ำของชาวเพชรบูรณ์นั้น แต่เดิมเป็นประเพณีท้องถิ่นของคนเพชรบูรณ์ที่อยู่ริมแม่น้ำป่าสัก และมีชื่อเรียกกันหลายอย่างว่า งานสารทไทยวัดไตรภูมิบ้าง งานอาบน้ำพระวัดไตรภูมิบ้าง และงานแข่งเรือวัดไตรภูมิบ้าง โดยจะเป็นงานที่จัดขึ้นที่วัดไตรภูมิ ในวันสารทไทย แรม 15 ค่ำ เดือน 10 ของทุก ๆ ปี ซึ่งในการจัดงานทำบุญวันสารทไทยนี้ จะมีการจัดกิจกรรมหนึ่งที่พิเศษขึ้นมา นั่นคือ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ในฐานะเจ้าเมืองเพชรบูรณ์ จะต้องอัญเชิญพระพุทธมหาธรรมราชา อันเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง จากวัดไตรภูมิลงเรือไปประกอบพิธีดำน้ำที่กลางลำน้ำป่าสัก ซึ่งชาวเพชรบูรณ์ก็ได้ยึดถือปฏิบัติเช่นนี้กันมายาวนาน
จนกระทั้งเมื่อ พ.ศ. 2528 รัฐบาลในสมัยนั้น มีนโยบายให้ทุกจังหวัดคัดเลือกประเพณีที่โดดเด่นและยกให้เป็นประเพณีประจำของแต่ละจังหวัด เทศบาลเมืองเพชรบูรณ์จึงได้เสนอให้นำประเพณีนี้ยกขึ้นให้เป็นประเพณีประจำจังหวัดเพชรบุรณ์ เพราะเป็นประเพณีที่แปลก มีอัตลักษณ์ และมีคุณค่า คณะกรรมการจึงได้พิจารณาและคัดเลือกประเพณีนี้ ยกให้เป็นประเพณีประจำจังหวัดเพชรบูรณ์ และได้ตั้งชื่ออย่างเป็นทางการว่า “ประเพณีอุ้มพระดำน้ำ”
2. ประเพณีอุ้มพระดำน้ำ ก่อกำเนิดจากความเชื่อที่เป็นตำนานที่คนเพชรบูรณ์เล่ากันมาปากต่อปาก รุ่นต่อรุ่นมา ดังนี้
ตำนานเล่าว่า เมื่อประมาณ 400 กว่าปีล่วงมาแล้ว ในสมัยกลางกรุงศรีอยุธยา คนหาปลาชาวเพชรบูรณ์ ที่หาปลาในแม่น้ำป่าสัก ได้พบเหตุอัศจรรย์ กล่าวคือ ตามปกติทุกวัน จะตกเบ็ด ทอดแห จับปลากันได้มากมาย แต่ในวันนั้น ไม่มีใครจับปลาได้แม้แต่ตัวเดียว จึงมานั่งปรับทุกข์กันอยู่ริมตลิ่งแม่น้ำป่าสัก บริเวณที่เรียกว่า “วังมะขามแฟบ” พลันอากาศที่สงบเงียบอยู่ดี ๆ กลับแปรปรวน มีลมฟ้าลมฝน ฟ้าร้องฟ้าผ่า แล้วเกิดมีวังน้ำวนขึ้นในลำน้ำ หมุนวนเอาพระพุทธรูปสีทองอร่ามขึ้นมา แล้วดำผุดดำว่ายอยู่กลางลำน้ำ คนหาปลากลุ่มนั้นจึงได้โดดน้ำไปอัญเชิญพระพุทธรูปองค์ดังกล่าวมามอบให้กับเจ้าเมืองเพชรบูรณ์ และได้ร่วมกันอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ที่วัดสำคัญกลางเมืองในสมัยนั้น ก็คือวัดไตรภูมิ
ครั้นในปีถัดมา เมื่อวันแรม 15 ค่ำเดือน 10 ซึ่งตรงกับวันสารทไทย องค์พระได้หายไปจากวัด ชาวเมืองต่างพากันช่วยหาไปทั่วทั้งเมือง แต่ก็ไม่มีผู้ใดพบเลย จึงพากันไปยังวังมะขามแฟบ จุดที่พบองค์พระครั้งแรก ก็ได้พบองค์พระดำผุดดำว่ายอยู่กลางลำน้ำ อีกเช่นเดิม ครั้งนี้ ชาวเมืองจึงได้อัญเชิญองค์พระกลับมาวัดไตรภูมิอีกครั้ง แล้วร่วมตกลงกันว่า ทุกวันแรม 15 ค่ำเดือน 10 ของทุกปี เจ้าเมืองเพชรบูรณ์จะได้อัญเชิญองค์พระไปดำน้ำ ที่วังมะขามแฟบแห่งเดิม เพื่อองค์พระจะไม่หนีไปเล่นน้ำอีก พร้อมทั้งร่วมกันขนานนามองค์พระศักดิ์สิทธิ์ว่า “พระพุทธมหาธรรมราชา” เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองเพชรบูรณ์ นับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
3. ชาวเพชรบูรณ์ได้ยึดถือปฏิบัติสืบทอดพิธีนี้มาตลอดทุก ๆ ปี จนกลายเป็นประเพณี ซึ่งไม่ว่าจะมีปัญหาอุปสรรคใด ๆ ไม่ว่าปีไหนน้ำจะน้อย หรือปีไหนน้ำจะมาก เราก็ได้จัดพิธีตามประเพณีมาไม่เคยขาดแม้แต่ปีเดียว นอกจากนั้น คนเพชรบูรณ์ยังมีความเชื่อว่า เมื่อประกอบพิธีอุ้มพระดำน้ำแล้ว ฟ้าฝนจะตกต้องตามฤดูกาล เกิดความอุดมสมบูรณ์ การทำมาหากินจะได้ผลดี และลำน้ำป่าสักจะกลายเป็นลำน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกคนจะต้องใช้น้ำด้วยความยำเกรงและต้องช่วยกันรักษาธรรมชาติไม่ให้แม่น้ำสกปรกเน่าเหม็นเป็นอันขาด
สำหรับพิธีกรรมการดำน้ำนั้น เจ้าเมืองเพชรบูรณ์จะอัญเชิญพระพุทธมหาธรรมราชาลงเรือจากท่าน้ำวัดไตรภูมิทวนน้ำขึ้นไปประกอบพิธีอุ้มพระดำน้ำที่ท่าน้ำวัดโบสถ์ชนะมาร โดยจะดำน้ำเพียง 2 ทิศและทิศละ 3 ครั้งเท่านั้น คือ ทิศเหนือหรือทิศทวนน้ำ และทิศใต้หรือทิศตามน้ำ ซึ่งก็เป็นความเชื่ออีกประการหนึ่งของคนเพชรบูรณ์ ที่ต้องการขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองได้มาดลบันดาลให้แม่น้ำป่าสักมีระดับน้ำและปริมาณน้ำที่พอดี นั่นคือ ถ้าปีใดน้ำแล้ง และต้องการให้ปีต่อไปมีน้ำเพิ่มขึ้น การดำน้ำก็จะหันหน้าขึ้นทิศเหนือก่อน แต่ถ้าปีใดน้ำมากเกิดน้ำท่วม การดำน้ำก็จะหันหน้าทิศใต้ก่อน เพื่อให้ปีต่อไปมาน้ำลดลงอยู่ในระดับพอดี จึงถือว่า ประเพณีนี้เป็นภูมิปัญญาที่เป็นการสร้างขวัญกำลังใจในการทำมาหากินของคนเพชรบูรณ์ และแสดงถึงวิถีชีวิตของคนเพชรบูรณ์ที่ผูกพันอยู่กับแม่น้ำป่าสักเป็นอย่างมาก
4. “พระพุทธมหาธรรมราชา” เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ศิลปะสมัยลพบุรี (ขอม แบบบายน) หล่อด้วยเนื้อทองสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้าง 13 นิ้ว สูง 18 นิ้ว ไม่มีฐาน มีพระพักตร์กว้าง พระโอษฐ์แบะ พระกรรณยาวจรดพระอังสา พระเศียรทรงชฎาเทริดหรือมีกระบังหน้า มีหม้อยาหรือหม้อน้ำมนต์อยู่บนพระหัตถ์ ทรงสร้อยพระศอ พาหุรัด และประคต มีลวดลายงดงาม อีกทั้งแลดูน่าเกรงขามอย่างยิ่ง ส่วนประวัติการสร้างนั้นไม่ปรากฏชัดเจน แต่ชาวเพชรบูรณ์มีความเชื่อตามตำนานว่า พ่อขุนผาเมือง เจ้าเมืองราด (อ.หล่มสัก) ได้รับพระราชทานจาก พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 กษัตริย์แห่งนครธม ให้นำไปประดิษฐานเป็นพระคู่บ้านคู่เมือง พร้อมทั้งให้ทรงอภิเษกสมรสกับพระธิดาคือพระนางสิขรมหาเทวี แต่หลังจากพ่อขุนผาเมืองร่วมกับพ่อขุนบางกลางหาว เจ้าเมืองบางยาง (อ.นครไทย) พระสหาย ได้ร่วมกันตีเมืองสุโขทัยคืนจากขอม กอบกู้อิสรภาพให้กับคนไทยและตั้งอาณาจักรสุโขทัยขึ้น ทำให้พระนางสิงขรมหาเทวี แค้นเคืองถึงกับเผาเมืองราดจนย่อยยับ จากนั้น พระนางจึงตัดสินใจโดดแม่น้ำป่าสักฆ่าตัวตาย ทำให้ไพร่พลต้องพากันอัญเชิญพระพุทธมหาธรรมราชาลงแพล่องไปตามแม่น้ำป่าสักเพื่อหลบหนีภัยความวุ่นวายไป แต่ปรากฏว่าแม่น้ำป่าสักมีความคดเคี้ยว และกระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก ทำให้แพที่อัญเชิญองค์พระมานั้นแตก จนองค์พระจมดิ่งลงสู้ก้นแม่น้ำหายไป กระทั่งต่อมาคนหาปลาได้ไปพบ จนก่อให้เกิดตำนานมหัศจรรย์ “ประเพณีอุ้มพระดำน้ำ” ขึ้นมา
5. การจัดงานประเพณีอุ้มพระดำน้ำนั้น มีพัฒนาการเรื่อย ๆ มา ดังนี้ คือ แต่ดั้งเดิมนั้น จะจัดงานกัน 3 วันและจัดงานอย่างเรียบง่าย ไม่มีพิธีอะไรมากมาย เมื่อถึงวันสารทไทย ก็จะอัญเชิญองค์พระฯไปแห่รอบเมืองเพชรบูรณ์ จากนั้นก็อัญเชิญไปประกอบพิธีดำน้ำ ณ วังมะขามแฟบ พิธีดำน้ำก็ไม่มีอะไรมาก พอไปถึงจุดกำหนด เจ้าเมืองและผู้ที่ต้องการจะร่วมดำน้ำก็กระโดดลงไปดำน้ำร่วมกันเลย เสร็จพิธีก็แห่กลับวัด ให้ผู้คนได้กราบไหว้ปิดทองกัน นอกจากนั้น ก็จะมีการพายเรือแข่งกันที่ท่าน้ำหน้าวัดไตรภูมิ แต่ที่พิเศษคือ เป็นการแข่งพายเรือทวนน้ำ ที่ไม่มีการแข่งเรือที่ไหนเหมือน
ต่อมา เมื่อทางการได้ให้ความสำคัญการประเพณีนี้ จึงได้มีการกำหนดรูปแบบพิธีกรรมต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้มีความศักดิ์สิทธิ์ เข้มขลังขึ้น เช่น มีการเพิ่มการจัดงานเป็น 5 วัน มีการจัดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ มีพิธีบวงสรวงเทพยดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกปักรักษาคุ้มครองเมืองเพชรบูรณ์และคนเพชรบูรณ์ พร้อมทั้งทำการเสี่ยงทายทิศและคำอธิษฐานสำหรับการดำน้ำแต่ละครั้ง มีการประกวดโต๊ะหมู่บูชาพระพุทธมหาธรรมราชา การแห่องค์พระรอบเมืองก็เปลี่ยนมาเป็นช่วงเวลาเย็น ทำให้สามารถตกแต่งขบวนประกอบแสงสีให้ดูสวยงามอลังการได้ การจัดให้มีการแสดงแสงสีเสียงตำนานพิธีอุ้มพระดำน้ำสำหรับนักท่องเที่ยวเพื่อจะได้ชมและเข้าใจประเพณีอุ้มพระดำน้ำได้ทั้งหมด จัดให้มีเทศกาลอาหารอร่อยของจังหวัดเพชรบูรณ์ ขบวนเรืออัญเชิญพระก็มีการตกแต่งและจัดทำโขนเรือ ส่วนพิธีกรรมในการดำน้ำนั้น ก็มีเพิ่มเติมให้มีขั้นมีตอนอันศักดิ์สิทธิ์ มีการนั่งสมาธิก่อนทำพิธี มีการกำหนดตัวบุคคลผู้ที่จะร่วมทำพิธีดำน้ำ มีการอ่านคำอธิษฐานก่อนดำน้ำแต่ละครั้ง และมีการโยนแจกจ่ายข้าวของเครื่องมงคล ข้าวต้มมัด กล้วยไข่ กระยาสารทให้กับผู้มาร่วมพิธีกันด้วย
6. จะเห็นได้ว่า ประเพณีอุ้มพระดำน้ำ ได้มีพัฒนาการเรื่อยมาตั้งแต่เริ่มต้นเป็นประเพณีท้องถิ่นธรรมดา พัฒนาขึ้นเป็นประเพณีของเมือง เป็นประเพณีประจำจังหวัด และปัจจุบันนี้ ได้พัฒนาเป็นประเพณีระดับประเทศแล้ว และนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรชาวเพชรบูรณ์เป็นล้นพ้น ที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทอดพระเนตรพิธีอุ้มพระดำน้ำ เมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2554 ท่ามกลางการแซ่ซ้องสรรเสริญของคนเพชรบูรณ์ที่ขอพระองค์ท่าน ทรงพระเจริญ
ประเพณีอุ้มพระดำน้ำเป็นประเพณีที่ทรงคุณค่า มีเนื้อหาที่จะสามารถบอกเล่าเรื่องราวสิ่งต่าง ๆ ได้ในทุกขั้นตอน การอุ้มพระดำน้ำ ก็มิใช่เป็นเพียงแค่พิธีกรรม หากแต่เป็นการแสดงถึงวิถีชีวิตของคนเพชรบูรณ์ที่ผูกพันอยู่กับลำน้ำสัก และยังเป็นภูมิปัญญาอันชาญฉลาดและทรงคุณค่าของบรรพบุรุษเพชรบูรณ์ ที่ต้องการจะสอนสั่งลูกหลานเพชรบูรณ์ ด้วยวิธีการที่จะไม่เลือนหายไปตามกาลเวลา นั่นคือ การแฝงคำสอนไว้ในประเพณี เพื่อให้สืบทอดกันต่อมาและต่อไป ..
– ภูมิปัญญา ในการรักษาคุณภาพลำน้ำสักและสิ่งแวดล้อม
– ภูมิปัญญาในการสร้างขวัญกำลังใจในการทำมาหากิน
– ภูมิปัญญา ที่ทำให้ผู้คนมีจุดรวมใจและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
– ภูมิปัญญา ที่ทำให้ผู้คนใกล้ชิดธรรมะและพระพุทธศาสนา
พิธีกรรมก็มีความศักดิ์สิทธิ์ มีความสวยงาม สง่างาม อีกทั้งยังเป็นประเพณีที่คนเพชรบูรณ์มีส่วนร่วมและเป็นคนจัดกิจกรรมทั้งหมดโดยคนเพชรบูรณ์เอง ซึ่งในอนาคต ชาวเพชรบูรณ์ยังมีจุดมุ่งหวังที่จะแบ่งปันประเพณีนี้ให้เป็นที่รับรู้และศรัทธาไปสู่ผู้คนในระดับสากล ทั้งระดับอาเซียน และระดับโลกต่อไป
7. นับเป็นความโชคดีและเป็นบุญของชาวเพชรบูรณ์เป็นอย่างยิ่ง ที่เมื่อ พ.ศ. 2559 ฯพณฯ รองนายกรัฐมนตรี พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ได้กรุณามาเป็นประธานในการประกอบพิธีอุ้มพระดำน้ำ ซึ่ง ฯพณฯ ได้มองเห็นความสำคัญและความมีคุณค่าของประเพณีนี้ ฯพณฯ จึงได้มอบคำแนะนำในการปรับปรุงการจัดงานหลายประการ เพื่อให้งานดีขึ้น ยิ่งใหญ่ขึ้น ให้กับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ นายพิบูลย์ หัตถกิจโกศล พร้อมทั้งรับที่จะมาเป็นประธานในประเพณีอุ้มพระดำน้ำอีกครั้งในปีต่อมา นั่นคือ ปี พ.ศ. 2560 นี้เอง ฉะนั้น จากความกรุณาของ ฯพณฯ รองนายกรัฐมนตรี พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ในครั้งนั้น ยังผลให้เกิดความยินดีปรีดาแก่ชาวเพชรบูรณ์เป็นอย่างยิ่ง และเกิดเป็นอานิสงส์อันใหญ่หลวง ทำให้ประเพณีอุ้มพระดำน้ำได้เป็นที่สนใจของวงการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมของประเทศ จนได้มีการเข้ามาศึกษาเรียนรู้ และชมผลงานในอดีตที่ผ่านมา จึงทำให้ประเพณีอุ้มพระดำน้ำได้รับรางวัล “กินรี” อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยดีเด่น (Thailand Tourism Award) ประจำปี พ.ศ. 2560 และยังได้เป็นแรงบันดาลใจให้ชาวเพชรบูรณ์ร่วมกันพัฒนาปรับปรุง เสริมแต่ง การจัดงานประเพณีอุ้มพระดำน้ำกันครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง
8. การจัดเตรียมงานประเพณีอุ้มพระดำน้ำ ในปี พ.ศ. 2560 นี้ คณะผู้จัดงานได้ระดมความคิดเห็นและร่วมกันวางแผนการทำงานกันมาตั้งแต่ต้นปี โดยจะมีการพัฒนาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหลายประการ เช่น
– มีการปรับขบวนอัญเชิญพระพุทธมหาธรรมราชาแห่รอบเมืองใหม่ เป็นขบวนที่ยิ่งใหญ่ถึง 9 ขบวนด้วยกัน แต่ละขบวนจะมีเนื้อหาการนำเสนอที่จะไปสอดคล้องกับการมีส่วนร่วมของคนเพชรบูรณ์ในทุกพื้นที่ ทุกอำเภอ สะท้อนวัฒนธรรมวิถีชีวิตของคนเพชรบูรณ์ทุกหมู่เหล่า โดยมีท่านนายอำเภอพร้อมทั้งคณะผู้คนร่วมขบวนจากทุกอำเภอกว่า 2000 คน
– มีการปรับการจัดสถานที่นั่งชมขบวนแห่เพิ่มมากขึ้นเป็น 2 จุดชมการแสดง สามารถรองรับผู้ชมได้มากขึ้นอีกเท่าตัว และมีการจัดเทคนิคแสงสีเสียงให้กับขบวนแห่อย่างสวยงาม
– มีการตกแต่งประดับเมืองทั้งเมือง และเชิญชวนให้ผู้คนได้ร่วมมีกิจกรรม เพื่อนำเข้าสู่บรรยากาศของการจัดงานประเพณีอันแสดงถึงความศรัทธาของชาวเพชรบูรณ์ ได้แก่ การติดป้ายประชาสัมพันธ์กันทั้งเมืองเพชรบูรณ์ และทุก ๆ อำเภอ การชักชวนให้ผู้คนตั้งโต๊ะบูชาองค์พระตลอด 2 ข้างทางที่ขบวนผ่าน
– คนเพชรบูรณ์ร่วมกันประชาสัมพันธ์ทางสื่อออนไลน์ และโชเชียลมีเดีย ให้คนทั้งประเทศและต่างประเทศให้ทราบกำหนดการและรายละเอียดของการจัดงาน พร้อมทั้งมีการรณรงค์ “ชวนคนเพชรบูรณ์กลับบ้าน ร่วมงานอุ้มพระดำน้ำ”
– มีการปรับปรุงตกแต่ง จัดขบวนเรืออัญเชิญองค์พระไปดำน้ำเสียใหม่ และมีการเปลี่ยนโขนเรืออัญเชิญพระใหม่เป็น “กุญชรวารี” สัตว์ในป่าหิมพานต์ที่ยิ่งใหญ่ทรงพลังและเป็นสัตว์ให้น้ำ อาศัยอยู่ในทะเลสีทันดร จึงสอดคล้องกับประเพณีอุ้มพระดำน้ำที่เกี่ยวของกับน้ำและความอุดมสมบูรณ์จากลำน้ำ
– การจัดให้ผู้คนที่มาร่วมงานได้มีส่วนร่วมในพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น มีการจัดทำผ้ายันต์พระพุทธมหาธรรมราชาแจกจ่ายให้กับผู้มาร่วมงานกันทุกคน
9. การจัดงานในปีนี้ นอกจาก จังหวัดเพชรบูรณ์ เทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ และชาวเพชรบูรณ์จะได้ระดมสรรพกำลังในการจัดงานอุ้มพระดำน้ำแล้ว ยังได้รับความกรุณากระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตามนโยบายของ ฯพณฯ รองนายกรัฐมนตรี พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ได้เข้ามาร่วมวางแผนการจัดงานพร้อมทั้งสนับสนุนงบประมาณจำนวนมากในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น
กระทรวงวัฒนธรรม ได้มาร่วมวางแผนการจัดงานทุกขั้นตอน ได้สนับสนุนงบประมาณการจัดประกวดโต๊ะหมู่บูชาพระพุทธมหาธรรมราชา การจัดประกวดสำรับอาหารพื้นบ้านเพชรบูรณ์ สนับสนุนรางวัลการแข่งเรือทวนน้ำ สนับสนุนจัดมณฑลพิธีและดำเนินพิธีการทั้งหมดที่วัดโบสถ์ชนะมาร สนับสนุนป้ายประชาสัมพันธ์ หนังสือคู่มือประชาสัมพันธ์ จัดแถลงข่าวที่หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน จัดทำผ้ายันต์แจกจ่ายผู้มาร่วมงาน จัดให้มีการแสดงผลงานชุมชนคุณธรรมและผู้นำชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ฯลฯ
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้มาร่วมประชุม เพื่อแนะนำวางแผนการจัดงานและทำการประชาสัมพันธ์หลายประการ สนับสนุนจัดการให้มีการถ่ายทอดสดขบวนอัญเชิญพระพุทธมหาธรรมราชาแห่รอบเมือง ทางช่อง 9 MCOT ไปทั่วประเทศในวันที่ 19 กันยายน 2560 ตั้งแต่เวลา 18.30 น. เป็นต้นไป จัด Package Tour นำนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเพชรบูรณ์และเข้าร่วมพิธีอุ้มพระดำน้ำ นำสื่อ On line จากส่วนกลางมาทำข่าวประชาสัมพันธ์ จัดแถลงข่าวที่สำนักงานใหญ่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ฯลฯ
10. ฉะนั้น การจัดงานประเพณีอุ้มพระดำน้ำในปี พ.ศ. 2560 ของชาวเพชรบูรณ์นี้ จึงถือว่าเป็นย่างก้าวการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาสำคัญของการยกระดับการจัดงานให้ยิ่งใหญ่ขึ้นเพื่อให้เป็นงานระดับสากลได้ในอนาคตตามที่คนเพชรบูรณ์ได้มุ่งหวังเอาไว้ สิ่งต่าง ๆ ที่เราได้รับมา ทั้งคำแนะนำและรูปแบบการจัดงาน ตลอดจนงบประมาณ จากหน่วยงานที่มีประสบการณ์ มีเทคนิควิธีการจัดงานหลายแบบ ซึ่งการช่วยเหลือและคำแนะนำที่ดีเหล่านี้ ล้วนเป็นคุณูปการจากความกรุณาของ ฯพณฯ รองนายกรัฐมนตรี พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ทั้งสิ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะได้มาเป็นพื้นฐานสำคัญให้กับคนเพชรบูรณ์ได้ต่อยอดการจัดงานให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปอีกในปีต่อ ๆ ไป และตลอดไป ทั้งนี้ โดยเราก็จะไม่หลงลืมแก่นของพิธีกรรมและจิตวิญญาณของประเพณีอุ้มพระดำน้ำ ที่เราจะต้องรักษาให้ทรงไว้ซึ่งคุณค่าอันเป็นอัตลักษณ์ที่บรรพบุรุษของเราคนเพชรบูรณ์ได้ดำเนินการสืบทอดกันมาเนินนานรุ่นต่อรุ่น .. เอาไว้ชั่วกาลนาน
ดร.วิศัลย์ โฆษิตานนท์
ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์
ผู้เรียบเรียง
081-044-5566